Monday, April 13, 2009

ไทยรัฐ ยืนยันว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์แทรกแซงสื่อ?

ไทยรัฐ คอลัมน์ บุคคลในข่าว

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 2552

ในที่สุดการชุมนุมประท้วง ขับไล่รัฐบาล ก็นำไปสู่ความรุนแรงและ เสียเลือดเนื้อ จนได้.......วิกฤติของบ้านเมืองที่ยาวนานและต่อเนื่องยัง ไม่มีวี่แววที่จะยุติ.......ทางออกของวิกฤติยังมองไม่เห็นว่าจะลงเอยอย่างไร.......ว้าเหว่............

การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่พัทยา ที่ส่งผลให้การประชุม ผู้นำอาเซียน บวก 3 บวก 6 ต้องเลื่อนการประชุมออกไป.....ถ้าพูดถึงหน้าตาของประเทศก็ต้องบอกว่า หน้าแตก พอสมควร.....ที่ต้องคำนึงถึง มาตรฐานของระบอบประชาธิปไตย ในระดับสากล การประชุมระดับประเทศล่ม แม้ส่งผลกระทบต่อ ภาพพจน์ของประเทศ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องทำความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น............

สิ่งที่ผู้นำระดับประเทศจะต้องเก็บไปคิดข้ามวันข้ามคืน คือ ระบบรักษาความปลอดภัย ของรัฐบาล....จำนวนผู้ชุมนุมของคนเสื้อแดงก็ ไม่ได้มืดฟ้ามัวดิน และไม่มี กองกำลังติดอาวุธ แต่ อย่างใด.....แต่สามารถจะเข้าถึงที่ประชุมครั้งสำคัญ เกือบเข้าถึงตัว ผู้นำระดับประเทศ ได้.....เห็นจะต้องทบทวนทั้งระบบความมั่นคงและภาวะผู้นำกันใหม่ซะแล้ว............

“อินทรีเหล็ก” ไม่ได้เข้าข้างใคร การชุมนุมในระบอบประชาธิปไตย เป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่สนับสนุนให้มีการใช้ ความรุนแรง ละเมิดกฎหมายและละเมิดสิทธิบุคคลคนอื่น.....นิดๆหน่อยๆขอกันกิน เพื่อแลกกับประชาธิปไตย อย่างที่คนเสื้อแดงว่า ก็พอทน.....แต่จะ ปิดเส้นทางจราจร ข้ามวันข้ามคืน ชาวบ้านเดือดร้อนจึงไม่ใช่เรื่องที่สมควร............

จะไปโทษใครได้ เมื่อครั้งการชุมนุมของ คนเสื้อเหลือง สร้างมาตรฐานความรุนแรงเอาไว้สูงมาก ยึดทำเนียบปิดสนามบิน.....เพราะฉะนั้นตราบใดที่ยังไม่มีการยืนยันถึง ความผิด ของการกระทำดังกล่าวออกมาให้เป็นมาตรฐาน.....ก็ยังต้องเห็นความรุนแรงของการชุมนุมประท้วงไปเรื่อยๆ.............

ฮัดเช้ย ที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง คือการ จัดม็อบชนม็อบ โดยเฉพาะม็อบฝ่ายรัฐบาล เพราะจะเป็นการขยายแผลของ การขัดแย้ง ให้บานปลายยิ่งขึ้นและเป็นการเปิดทางให้ วงจรอุบาทว์ เข้ามาครอบงำ.....ตอกย้ำวิกฤติประเทศไม่ จบสิ้น............

ภาพของ รองนายกฯ บิ๊กทหาร และเนวิน ชิดชอบ ที่ไปยืนบัญชาการรบตอนตีหนึ่งตีสอง.....ก็ไม่ต่างจากภาพการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารเท่าไหร่.....หรือต้องให้ประเทศและประชาชนเป็นตัวประกันของ การชิงอำนาจทางการเมือง จนกว่าจะขุดรากถอนโคนกันได้............

เอ้าหลัง นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตัดสินใจประกาศ ภาวะฉุกเฉิน ในพื้นที่พัทยาและ จ.ชลบุรี....ก็มีบรรดา นักธุรกิจ ออกมาประเมินความเสียหายกันยกใหญ่ เนื่องจากอยู่ในช่วง เทศกาลสงกรานต์ พอดิบพอดี......พูดในแง่เศรษฐกิจปฏิเสธถึงความเสียหายไม่ได้ .....แต่เหตุผลทางการเมือง ก็ต้องรับฟังเช่นกัน............

สำคัญอยู่ที่ว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีผลต่อการชุมนุมอย่างไรหรือไม่....ในเมื่อผู้ชุมนุมพุ่งเป้าไปที่ตัว นายกฯอภิสิทธิ์ และรัฐบาล.....ไม่เช่นนั้น นายกฯอภิสิทธิ์ อยู่ ที่ไหนก็ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินที่นั่น.....เมื่อคนเสื้อแดงไม่ยอมรับการเป็น รัฐบาล ไม่รู้ไปประกาศภาวะฉุกเฉินทำไมให้เมื่อยตุ้ม............

ตราบใดรัฐบาลยังเกาไม่ถูกที่คัน ผลพวงจากการชุมนุมเลย ตกเป็นภาระของประชาชน.....จะยึดกฎหมายให้เด็ดขาด หรือจะตั้งโต๊ะเจรจา ถกกันถึงเงื่อนไขทางการเมือง ได้ไม่ได้อย่างไรว่ากันให้จบ ตามวิถีของระบอบประชาธิปไตย เท่านั้น.....ไม่ใช่ปล่อยให้คาราคาซังอยู่อย่างนี้ ............

และที่จะแก้ตัวไม่ได้คือ การปิดบังข้อมูลข่าวสาร การชุมนุม เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลเรียก บรรณาธิการข่าวโทรทัศน์ ไปสั่งการไม่ให้เสนอข่าวความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง.....แต่ให้เสนอข่าวเทศกาลสงกรานต์แทน...... ไม่ให้เรียกว่า แทรกแซงสื่อ ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว จริงมะ............

กับถ้อยแถลงของ นายกฯอภิสิทธิ์ ที่ระบุว่า ผู้ที่ ประกาศชัยชนะ ในการล้มการประชุมผู้นำอาเซียนถือว่าเป็นศัตรูของรัฐบาลและประเทศ......เกรงว่าจะเป็นการยั่วยุให้การชุมนุม ถึงขั้นแตกหัก ปิดทางการเจรจาตามวิถีทางประชาธิปไตย.....กลายเป็น สงครามกลางเมือง ไปฉิบ...........

เฮ้อ ประกอบกับการให้สัมภาษณ์ของ พ.อ.จิตตสักก์ เจริญสมบัติ โฆษกกระทรวงกลาโหม ที่ ว่าถ้ายังไม่สามารถหยุดยั้งสถานการณ์การ ชุมนุมของคนเสื้อแดงได้.....อาจจะต้องถึงขั้น ประกาศใช้กฎอัยการศึก.....ในยามที่บ้านเมืองวุ่นวายเช่นนี้ การประกาศใช้กฎ อัยการศึก เหมือนดาบสองคม.....ที่จะส่งผลกระทบต่อภาพพจน์และความเชื่อมั่นของประเทศโดยตรง............

เพราะการชุมนุมของคนเสื้อแดงในการขับไล่รัฐบาล กลายเป็นที่จับจ้องของชาวโลก......แม้แต่ บันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติประกาศ งดการเยือนประเทศไทย และ แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น.....ขืนบานปลายกลายเป็นสงครามกลาง เมือง หรือมีการยึดอำนาจอีกรอบ......คงถึงคราวที่จะต้องปิดประเทศ............

ผลพวงจากการขึ้นเวทีเสื้อแดงของ เกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ .....เจ้าตัวยอมรับ ถูกขับออกจากพรรค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว......การเมืองนอกสภาก็วุ่น การเมืองในสภาก็แตกละเอียด......แล้วประเทศจะอยู่กันอย่างไร นอกจากจะลุกเป็นไฟทั้งเมือง............

แนะนำหนังสือ คนอื่นเรียกนายกฯ แต่เราเรียก...พ่อ จากใจ โอ๊ค เอม อิ๊ง กำลังมาแรงบนแผงหนังสือ........บริษัทสถาพรบุ๊คแนะนำหนังสือ นวนิยาย บัลลังก์ริษยา ภาคต่อของ ศึกรบสยบหัวใจ โดยไปรยา.....วางแผงเรียบร้อย บ่วงรักดวงใจอาเมนทุส ผลงาน สาวกเรท 18+ ผู้เขียน ทาสรักทะเลทรายและแค้นรักสุดผืนทราย ที่สร้างความประทับใจมาแล้ว.....FHM ฉบับนี้ สัมผัสความร้อนแรงของ กิ๊บซี่และกิฟต์ซ่า อย่างจุใจ.....Stuff เกาะติดโลกเทคโนโลยีกับ ค่ายโตชิบา แนะนำ Superphone แบบเพรียวบางและรวดเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน .....คาวาอิ อัพเดต เทรนด์มาแรง พร้อมใบสมัคร Cawaii Girls ในเล่ม..... สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ บิ๊กบอสการตลาดเอไอเอส ชวนร่วมงาน มหาสงกรานต์อุ่นใจเมืองโคราช วันนี้ที่ลานย่าโม พร้อมรับน้ำมนต์จาก หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ .....คุณแม่ประเมียร ติยะวนิช มารดา พิษณุวัฒน์ ติยะวนิช ถึงแก่กรรมตั้งสวดที่วัดนอก อ.เมือง ชลบุรี เวลา 19.00 น. ถึง 17 เม.ย.นี้............

“อินทรีเหล็ก”

-----------------------------------
ไทยรัฐ คอลัมน์ ทีวีบันเทิง

ไม่น่าเชื่อ? [13 เม.ย. 52 - 13:42]

สงครามประชาชน...ใกล้เข้ามาแล้ว ภาย หลังจากม็อบเสื้อแดงบุกพังประตูกระจกโรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา สถานที่จัดประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา

การประชุมต้องล้มเลิกกลางคัน ผู้นำไทยและผู้นำต่างชาติ หนีตายกันอลหม่านและทุลัก ทุเลสุดประมาณ!!

ก่อนยกพลเคลื่อนเข้าประชิดโรงแรม...มีม็อบจัดตั้งสวมเสื้อน้ำเงินและดำเข้าขวางทาง

เกิดเหตุการณ์ม็อบปะทะม็อบ ทั้งระเบิดปิงปอง ระเบิดเพลิง กระสุนปืน มีด ไม้ และก้อนหินหนังสติ๊ก

คนไทยคลุ้มคลั่งไล่ฆ่ากัน...บาดเจ็บนับสิบราย!!

นี่คือสาเหตุที่ม็อบเสื้อแดงอ้างเหตุบุกเข้าไปในโรงแรม เพื่อไล่ล่าตัวนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจับผู้ลงมือยิงคนเสื้อแดง

ประเทศไทยฉาวโฉ่ไปทั่วโลก!!

และเหตุการณ์ที่ตื่นตระหนกเช่นนี้...พื้นที่ข่าวจอทีวี กลับมีให้รัฐบาลฝ่ายเดียว

สื่อทีวีถูกแทรกแซง ปิดหูปิดตาประชาชน!!

ทุกช่องเสนอแต่ภาพม็อบเฮโลยึดโรงแรม ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดทั้งวัน

แต่ภาพเหตุการณ์ม็อบเสื้อน้ำเงินรุมถล่มม็อบแดง...กลับไม่มีช่องไหนนำเสนอ??

ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีช่องไหนได้ภาพดังกล่าว...ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่ตอนที่ผู้ นำชาติต่างๆและเจ้าหน้าที่ต่างชาติหนีหัวซุกหัวซุนลงเรือด้านหลังโรงแรม

ไม่มีแม้แต่ภาพเดียวที่นำเสนอผ่านสื่อทีวี??!!

แต่ภาพนิ่งของสำนักข่าวต่างประเทศ ภาพเคลื่อนไหวของสำนักข่าวต่างประเทศ กลับนำเสนอเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างละเอียด

ถ้าสื่อทีวียังตกอยู่ในอาณัติของผู้มีอำนาจ ก็ไม่แปลกใจที่ม็อบเสื้อแดงจะใช้วิธีกดดันรัฐบาลด้วยความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ

เพราะการชิงพื้นที่สื่อ คือส่วนหนึ่งของความเป็นธรรมที่พวกเขาต้องการให้ประชาชนรับรู้ข่าวสารโดยเท่าเทียมกัน

ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9 ช่อง 11 และ “ทีวีไทย” ต้องไปคิดใหม่ว่า เราหักหลังประชาชนในแง่อุดมการณ์หรือไม่?

ท่านกำลังเล่นกับเกมอำนาจ โดยมีผู้บงการ... จะยิ่งเหมือนน้ำมันราดเผาประเทศชาติ!!

แจ๋วริมจอ

Tuesday, April 7, 2009

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ องคมนตรี

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ องคมนตรี

องคมนตรี ตามพจนานุกรม หมายถึง ผู้มีตำแหน่งที่ปรึกษาในพระองค์พระมหากษัตริย์

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 หมวด 2 พระมหากษัตริย์ มาตรา 12 บัญญัติไว้ว่า "พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและทรงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานองคมนตรีคน หนึ่ง และองคมนตรีอื่นอีกไม่เกินสิบแปดคน ประกอบเป็นคณะองคมนตรี คณะองคมนตรีมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวง ที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา และมีหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญนี้"

ขณะเดียวกัน มาตรา 13 บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า "การเลือกและแต่งตั้งองคมนตรี หรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย ให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานองคมนตรี หรือให้ประธานองคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งองคมนตรีอื่น หรือให้องคมนตรีอื่นพ้นจากตำแหน่ง"

นอกจากนี้ มาตรา 14 ระบุว่า องคมนตรีต้องไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลปกครอง กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ หรือสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง และต้องไม่แสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใดๆ

ในขณะที่ มาตรา 16 บัญญัติไว้ว่า "องคมนตรีพ้นจากตำแหน่งเมื่อตาย ลาออก หรือมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง"

บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจนว่า การเลือกและการแต่งตั้งองคมนตรี หรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย

ปัจจุบัน คณะองคมนตรีมี 19 คน ประกอบด้วย ประธานองคมนตรี 1 คน และองคมนตรีไม่เกิน 18 คน โดยมี

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อายุ 88 ปี เป็นประธานองคมนตรี

ส่วนองคมนตรีทั้ง 18 คน ประกอบด้วย

พลอากาศเอกสิทธิ เศวตศิลา อายุ 90 ปี
พลอากาศเอกกำธน สินธวานนท์ อายุ 83 ปี
นายธานินทร์ กรัยวิเชียร อายุ 82 ปี
นายเชาว์ ณ ศีลวันต์ อายุ 81 ปี
นายจำรัส เขมะจารุ อายุ 79 ปี
นายอำพล เสนาณรงค์ อายุ 78 ปี
พลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ อายุ 77 ปี
พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช อายุ 75 ปี
นายสวัสดิ์ วัฒนายากร อายุ 75 ปี
หม่อมราชวงศ์เทพกมล เทวกุล อายุ 73 ปี
น.พ.เกษม วัฒนชัย อายุ 67 ปี
นายสันติ ทักราล อายุ 67 ปี
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ อายุ 65 ปี
พลเรือเอกชุมพล ปัจจุสานนท์ อายุ 64 ปี
นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ อายุ 64 ปี
นายศุภชัย ภู่งาม อายุ 63 ปี
นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ อายุ 62 ปี
และนายพลากร สุวรรณรัฐ อายุ 60 ปี

ทั้งนี้ องคมนตรีมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีทั้ง 19 คน ประกอบด้วย ด้านนิติศาสตร์ 8 คน ด้านการทหาร 4 คน ด้านวิศวกรรม 4 คน ด้านวิทยาศาสตร์ 1 คน ด้านรัฐศาสตร์ 1 คน และด้านการเกษตร 1 คน ส่วนสถานะสมรส 14 คน และเป็นโสด หรือม่าย 5 คน

ในจำนวนนี้มีองคมนตรีเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 3 คน คือ นายธานินทร์ พลเอกเปรม และพลเอกสุรยุทธ์

นอกจากนี้องคมนตรียังได้รับเงินเดือนประจำตำแหน่ง เดือนละ 112,250 บาท
ส่วนประธานองคมนตรีได้รับเงินประจำตำแหน่ง เดือนละ 121,990 บาท
ส่วนรัฐบุรุษได้รับเงินประจำตำแหน่ง เดือนละ 121,990 บาท
ตาม "พระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งขององคมนตรีและรัฐบุรุษ พ.ศ.2551"
ที่ลงนามในสมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2551

ขณะเดียวกันองคมนตรียังมีรถประจำตำแหน่งคนละ 1 คัน
ล่าสุดใน ครม.รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช (19 สิงหาคม 2551)
มีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณขององคมนตรีเป็นจำนวน 87.5 ล้านบาท
เพื่อจัดซื้อรถประจำตำแหน่งประธานองคมนตรี 1 คัน ราคา 6.5 ล้านบาท
และรถประจำตำแหน่งองคมนตรี จำนวน 18 คัน ราคาคันละ 4.5 ล้านบาท
รวม 81 ล้านบาท


มติชน, 07 เมษายน 2552,11:22:03

Thursday, April 2, 2009

สนั่น ขจรประศาสน์ โยกหุ้นให้ลูก-ก๊วนเงินกู้ 45 ล้าน

สนั่น ขจรประศาสน์ โยกหุ้นให้ลูก-ก๊วนเงินกู้ 45 ล้าน

คอลัมน์ แกะขุมทรัพย์รัฐมนตรี

เมื่อ 8 ปีที่แล้ว พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี อันเนื่องมาจากยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเงินกู้ 45 ล้านบาท

หลังพ้นโทษกลับเข้ามาเล่นการเมืองและมีตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช จากการตรวจสอบพบว่า พล.ต.สนั่นและนางฉวีรรณ ภริยา โอนหุ้นธุรกิจให้คนใกล้ชิดทั้งหมดในช่วงเวลา เพียง 15 วัน กล่าวคือ

วันที่ 22 มกราคม 2551 ตอนเป็น ส.ส.พิจิตร พล.ต.สนั่นแจ้งว่า มีทรัพย์สิน 110,190,748 บาท หนี้สิน 7,219,727 บาท นางฉวีวรรณมี 38,027,098 บาท ไม่มีหนี้สิน รวม 2 คน 148,217,846 บาท มีทรัพย์สินมากกว่า หนี้สิน 140, 998,118 บาท

พล.ต.สนั่นมีเงินลงทุน 12 รายการ มูลค่า 7,438,602 บาท ได้แก่บริษัท สนามบินน้ำไดร์ฟวิ่งเรนจ์ จำกัด 1,000 หุ้น มูลค่า 1 แสนบาท, BLAND 8,000,000 หุ้น มูลค่า 5,760,000 บาท, หุ้น KMC 1,046,732 หุ้น มูลค่า 659,441 บาท, หุ้น KMC-W 1 จำนวน 139,998 หุ้น มูลค่า 19,599 บาท, หุ้น SAMTEL 50,000 หุ้น มูลค่า 377,500 บาท, หุ้น TMB 15 หุ้น มูลค่า 17 บาท, หุ้น TRAF 43,760 หุ้น มูลค่า 312,884 บาท, หุ้น TT&T 75,000 หุ้น มูลค่า 52,500 บาท, หุ้น TRAF (ลูกหุ้น) 87,520 หุ้น มูลค่า 156,668 บาท และหุ้น UOB 12 หุ้น ไม่มีมูลค่าอีก 3 บริษัทเลิกกิจการแล้ว

นางฉวีวรรณถือหุ้น 6 รายการ ได้แก่บริษัท สนามบินน้ำไดร์ฟวิ่งเรนจ์ จำกัด 1,000 หุ้น มูลค่า 1 แสนบาท, บริษัท ทรัพย์นิชากร ทาวน์เฮ้าส์ จำกัด 1,016 หุ้น มูลค่า 101,600 บาท, บริษัท น้ำดื่มบงกช จำกัด 2,500 หุ้น มูลค่า 250,000 บาท, บริษัท ขจรฟาร์ม รีสอร์ท จำกัด 2,500 หุ้น มูลค่า 250,000 บาท, บริษัท ไทยแอร์ เซอร์วิส จำกัด 150 หุ้น มูลค่า 150,000 บาท และบริษัท ทรัพย์สารสิน จำกัด 1 หุ้น มูลค่า 10 บาท

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 รับตำแหน่งรองนายกฯ ครม.สมัคร พล.ต.สนั่นมีทรัพย์สิน 103,158,806 บาท เงินลงทุนเพียง 1 รายการ คือหุ้น TRAF (ลูกหุ้น) 87,520 หุ้น มูลค่า 156,660 บาท หนี้สิน 296,578 บาท

นางฉวีวรรณมี 37,175,488 บาท ไม่มีเงินลงทุน ไม่มีหนี้สิน

รวมทรัพย์สิน 140,334,294 บาท เบ็ดเสร็จมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 140,037,715 บาท

เมื่อเปรียบเทียบ 2 ครั้ง เงินลงทุนของ พล.ต.สนั่นและนางฉวีวรรณลดลง 8,133,552 บาท


จากการตรวจสอบพบว่า พล.ต.สนั่นและนางฉวีวรรณได้โอนหุ้นไปให้บุตรสาวอย่างน้อย 4 บริษัท ได้แก่บริษัท สนามบินน้ำไดร์ฟวิ่งเรนจ์ จำกัด, บริษัท ทรัพย์นิชากร ทาวน์เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท น้ำดื่มบงกช จำกัด, บริษัท ขจรฟาร์ม รีสอร์ท จำกัด อีก 1 บริษัท ได้แก่บริษัท ไทยแอร์เซอร์วิส จำกัด โอนให้นายวุฒิศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ (กลุ่มซีทีไอทาวเวอร์ ซึ่งเกี่ยวโยงคดีเงินกู้ 45 ล้าน)

ทั้งนี้ บริษัท สนามบินน้ำไดร์ฟวิ่งเรนจ์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2547 ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ผู้ถือหุ้น วันที่ 30 เมษายน 2550 พล.ต.สนั่นและนางฉวีวรรณ คนละ 1,000 หุ้น นางสาวบงกชรัตน์ ขจรประศาสน์ 25,000 หุ้น นางสาวปัทมารัตน์ ขจรประศาสน์ 24,000 หุ้น นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ 25,000 หุ้น นางสาววัฒนีพร ขจรประศาสน์ 23,000 หุ้น นายธนญ ทรัพย์สารสิน 1,000 หุ้น วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 พล.ต.สนั่นและนางฉวีวรรณโอนหุ้นให้นางสาวบงกชรัตน์ บุตรสาวคนโต และโอนให้นางสาวศิริวรรณ เลิศฤทธิ์ศิริกุล และนางโรศะนี ชัยพันธ์ คนละ 1 หุ้น


บริษัท ขจรฟาร์ม รีสอร์ท จำกัด ก่อตั้งวันที่ 16 ธันวาคม 2545 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ผู้ถือหุ้น วันที่ 30 เมษายน 2550 นางสาวบงกชรัตน์, นางสาวปัทมารัตน์, นางสาววัฒนีพร คนละ 2,499 หุ้น, นางฉวีวรรณ 2,500 หุ้น วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 นางฉวีวรรณโอนให้นางสาวบงกชรัตน์ 2,499 หุ้น และโอนให้นางสาวศิริวรรณ เลิศฤทธิ์ศิริกุล 1 หุ้น (ล่าสุดเลิกกิจการวันที่ 16 กันยายน 2551)

เช่นเดียวกับบริษัท น้ำดื่มบงกช จำกัด ก่อตั้งวันที่ 15 สิงหาคม 2546 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ผู้ถือหุ้น วันที่ 30 เมษายน 2550 นางสาวบงกชรัตน์, นางสาวปัทมารัตน์, นางสาววัฒนีพร คนละ 2,499 หุ้น, นางฉวีวรรณ 2,500 หุ้น วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 นางฉวีวรรณโอนให้นางสาวบงกชรัตน์ 2,499 หุ้น และโอนให้นางสาวศิริวรรณ เลิศฤทธิ์ศิริกุล 1 หุ้น

บริษัท ทรัพย์นิชากร ทาวน์เฮ้าส์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 29 พฤษภาคม 2535 ทุนจดทะเบียน 2,592,000 บาท วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 นางฉวีวรรณได้โอนหุ้นให้นางสาวปัทมารัตน์ บุตรสาวคนรอง และนางสาวบงกชรัตน์ คนละ 508 หุ้น

ส่วนเงินลงทุนรายการอื่นไม่พบข้อมูลว่าโอนไปให้ใคร ?

วันที่ 25 กันยายน 2551 ตอนเป็นรองนายกฯ รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.ต.สนั่นมีทรัพย์สิน 103,105,584 บาท หนี้สิน 4,624,576 บาท นางฉวีวรรณ 37,184,690 บาท ไม่มีหนี้สิน รวม 2 คน 140,290,275 บาท มีทรัพย์สินมากกว่า หนี้สิน 135,665,699 บาท

วันที่ 22 ธันวาคม 2551 ตอนเป็นรองนายกฯ ครม.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พล.ต.สนั่นมีทรัพย์สิน 103,101,482 บาท หนี้สิน 3,694,671 บาท นางฉวีวรรณมีทรัพย์สิน 37,184,690 บาท ไม่มีหนี้สิน รวมทรัพย์สิน 140,286,173 บาท มีทรัพย์สินมากว่าหนี้สิน 136,591,502 บาท

การยื่นบัญชี 2 ครั้งหลังสุด ไม่มีเงิน ลงทุนอีกต่อไป

ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 02 เมษายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4093