Tuesday, March 24, 2009

"พรทิวา นาคาศัย" เงินฝากหาย 27 ล้าน โยกหุ้น "อสังหาฯ-โพไซดอน" ให้แม่

"พรทิวา นาคาศัย" เงินฝากหาย 27 ล้าน โยกหุ้น "อสังหาฯ-โพไซดอน" ให้แม่

คอลัมน์ แกะขุมทรัพย์รัฐมนตรี

ในการยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตอนเป็น ส.ส.ชัยนาท วันที่ 22 มกราคม 2551 นางพรทิวา นาคาศัย ระบุว่ามีทรัพย์สิน 144,272,421 บาท ในจำนวนนี้เป็นเงินลงทุน 8 รายการ มูลค่า 8,735,902 บาท

3 รายการเป็นหุ้นของธุรกิจครอบครัว ได้แก่ บริษัท เอ.พี.คอนส์ จำกัด 23,916 หุ้น มูลค่า 2,391,600 บาท บริษัท ณิชาบูล จำกัด 20,000 หุ้น มูลค่า 2,000,000 บาท และบริษัท รัชดา เรียลเอสเตท จำกัด 3,333 หุ้น มูลค่า 333,333 บาท รวมมูลค่า 4,724,933 บาท

อีก 5 รายการ ได้แก่ บริษัท หลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด มูลค่า 3.9 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550), บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด 23,000 บาท, กองทุนเปิดรวงข้าว 3 มูลค่า 10,000 บาท, กองทุนเปิดรวงข้าว 4 มูลค่า 20,000 บาท, กองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล มูลค่า 10,000 บาท

นายอนุชามีทรัพย์สิน 6,581,360 บาท เป็นเงินลงทุน 2 บริษัท มูลค่า 4,392,000 บาท ได้แก่ บริษัท เอ.พี.คอนส์ จำกัด 23,920 หุ้น มูลค่า 2,392,000 บาท และบริษัท ณิชาบูล จำกัด 20,000 หุ้น มูลค่า 2,000,000 บาท บุตรไม่บรรลุนิติภาวะ 2 คน มีเงินฝาก 225,908 บาท

รวม 4 คน 151,079,689 บาท หนี้สิน 953,783 บาท (เฉพาะนางพรทิวา) เบ็ดเสร็จมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 150,125,906 บาท

ต่อมาในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตอนรับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ วันที่ 22 ธันวาคม 2551 นางพรทิวาแจ้งว่ามี ทรัพย์สิน 97,391,907 บาท มีเงินลงทุนหุ้นบริษัท การบินไทย จำกัด 200 หุ้น มูลค่า 2,000 บาท และบริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย จำกัด 500 หุ้น ไม่มีมูลค่า

ขณะที่นายอนุชามีทรัพย์สิน 2,188,058 บาท ไม่มีเงินลงทุน

บุตรไม่บรรลุนิติภาวะมีเงินฝาก 228,856 บาท

รวมทรัพย์สิน 99,808,822 บาท หนี้สิน 3,387,464 บาท (เฉพาะนางพรทิวา) แบ่งเป็นเงินเบิกเกินบัญชี และบัตรเครดิต 2,085,296 บาท หนี้เช่าซื้อรถยนต์ 1,302,168 บาท

เบ็ดเสร็จมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 96,421,358 บาท

เท่ากับในช่วงเวลา 11 เดือนหลังเป็น ส.ส.ทรัพย์สินของนางพรทิวาและสามีลดลง 51,270,867 บาท โดยเฉพาะเงินลงทุนรวม 13.1 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหุ้นของ นางพรทิวา 3 บริษัท จำนวน 47,249 หุ้น มูลค่า 4,724,933 บาท และหุ้นของ นายอนุชา 2 บริษัท จำนวน 43,920 หุ้น มูลค่า 4,392,000 บาท รวมมูลค่า 9,116,933 บาท หายไปด้วย ?

คำถามก็คือ นางพรทิวาโอนหุ้นไปให้ใคร ?

จากการตรวจสอบพบข้อมูลดังนี้

บริษัท เอ.พี.คอนส์ จำกัด ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ก่อตั้งวันที่ 16 สิงหาคม 2536 มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท แบ่งเป็น 100,000 หุ้น มูลค่า หุ้นละ 100 บาท นางพรทิวาถือ 23,916 หุ้น นายอนุชา 23,920 หุ้น (จำนวนหุ้นของทั้งสองคนคิดเป็นคนละ 23% ของทุนจดทะเบียน)

บริษัท ณิชาบูล จำกัด ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อตั้งวันที่ 28 ธันวาคม 2537 มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท แบ่งเป็น 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ผู้ถือหุ้น ณ วันก่อตั้ง นางบุญเรือน ศักดิ์ศิริเวทย์กุล 10,000 หุ้น นางพรทิวา 20,000 หุ้น นายอนุชา 20,000 หุ้น (จำนวนหุ้นของทั้งสองคนคิดเป็นคนละ 20% ของทุนจดทะเบียน) นางบุญเรือน ศักดิ์ศิริเวทย์กุล นายสุรินทร์ ศักดิ์ศิริเวทย์กุล นายสุชัย ศักดิ์ศิริเวทย์กุล นายอินทัศ ศักดิ์ศิริเวทย์กุล นายจรศักดิ์ ศักดิ์ศิริเวทย์กุล คนละ 10,000 หุ้น และนางพรทิพย์ ยงรัตนมงคล 10,000 หุ้น

บริษัท รัชดาเรียลเอสเตท จำกัด ประกอบธุรกิจสถานบริการ "โพไซดอน" ที่ตั้งเลขที่ 211/1 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ ทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท แบ่งเป็น 40,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท

ผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 จำนวน 7 คน 1.นายสุรินทร์ ศักดิ์ศิริเวทย์กุล 23,333 หุ้น 2.นางพรทิพย์ ยงรัตนมงคล 3,333 หุ้น 3.นางพรทิวา นาคาศัย 3,333 หุ้น (คิดเป็น 8% ของทุน จดทะเบียน) 4.นางสาวยุพดี รอดกลิ่น 1 หุ้น 5.นางบุญเรือน ศักดิ์ศิริเวทย์กุล 6,666 หุ้น 6.นายประทวน ปรีเปรม 1 หุ้น และ 7.นายสุชัย ศักดิ์ศิริเวทย์กุล 3,333 หุ้น

ล่าสุดวันที่ 20 ธันวาคม 2551 (ก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี 2 วัน) นางพรทิวาได้โอนหุ้นบริษัท เอ.พี.คอนส์ จำกัด บริษัท ณิชาบูล จำกัด และบริษัท รัชดาเรียลเอสเตท จำกัด ไปให้ นางบุญเรือน ศักดิ์ศิริเวทย์กุล ส่วนนายอนุชาโอนหุ้น 2 บริษัท ไปให้ นางบุญเรือน ศักดิ์ศิริเวทย์กุล เช่นเดียวกัน (ดูตารางประกอบ)

ทั้งนี้ นางบุญเรือนเป็นแม่ของนางพรทิวา

ดังนั้น รมว.พาณิชย์และสามีจึงไม่มีเงินลงทุนใน 3 บริษัทดังกล่าวอีกต่อไป


กระนั้น น่าสังเกตว่า ตอนรับตำแหน่ง ส.ส.นางพรทิวาแจ้ง ป.ป.ช.ว่ามีเงินสด 800,000 บาท เงินฝาก 30,820,219 บาท นายอนุชามีเงินสด 500,000 บาท เงินฝาก 39,360 บาท

ตอนรับตำแหน่งรัฐมนตรี นางพรทิวาแจ้งว่า เงินสดเท่าเดิม เงินฝากเหลือเพียง 3,613,608 บาท ลดลง 27,206,611 บาท นายอนุชาเงินสดเท่าเดิม เงินฝาก 38,058 บาท ลดลง 1,302 บาท

ทั้งสองคนไม่มีเงินให้กู้ยืม

คำถามก็คือ การโอนหุ้นให้นางบุญเรือนเป็นการยกให้ฟรีหรือขายขาด

ถ้า "ขาย" ชำระเงินกันอย่างไร ?

ประการสำคัญ ทำไมในช่วงแค่ 11 เดือน เงินฝากของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จึงลดลงเกือบ 30 ล้าน ?

นางพรทิวาน่าจะตอบทุกคำถามได้

ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 09 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4086

No comments:

Post a Comment