ถ้าไม่มีกรณี นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ไปยุ่มย่ามในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์
จนทำให้ นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ต้องมีคำสั่งปลดฟ้าผ่า นายพสิษฐ์ ออกจากตำแหน่ง เพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร
คนทั่วไป คงไม่รู้ว่า บริวารและองคาพยพในศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยใครบ้าง ?
ปัจจุบันคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อีก 8 คนประกอบด้วย นายจรัญ ภักดีธนากุล นายจรูญ อินทจาร นายเฉลิมพล เอกอุรุ นายนุรักษ์ มาประณีต นายบุญส่ง กุลบุปผา นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ นายสุพจน์ ไข่มุกด์ นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ฯ ฉบับแก้ไขล่าสุด
เงินเดือนประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 64,000 บาท บวก เงินประจำตำแหน่งอีก 50,000 บาท
ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เงินเดือน 62,000 บาท บวก เงินประจำตำแหน่ง 42,500 บาท
รวมเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ทั้งประธานและตุลาการอีก 8 คน ตกเดือนละ 9.5 แสนบาท ปีหนึ่งก็ตกประมาณ 11.4 ล้านบาท ตัวเลขนี้ยังไม่รวมสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกหลายรายการ
แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ ยังมีบริวารและองคาพยพของประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการอีก 8 คน อีกหลายรายการดังนี้
ทั้งนี้ ระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการแต่งตั้งบุคลากรประธานศาลรัฐธรรมนูญและ ตุลาการฯ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันล้วนลงนามประกาศโดย นายชัช ชลวร กำหนดให้ตุลาการฯ 9 คน มีสิทธิแต่งตั้งบุคลากรมาช่วยงานดังต่อไปนี้
ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 1 คน เงินเดือนรวม 69,910 บาท เลขานุการ 1 คน เงินเดือน 47,100 บาท ผู้เชี่ยวชาญ 3 คน เงินเดือน 30,000 บาท ผู้ช่วยเลขานุการ 1 คน เงินเดือนตามวุฒิการศึกษาตั้งแต่ 16,000-22,000 บาท คนขับรถ 1 คน เงินเดือน 11,300 บาท เป็นต้น
คำนวณแล้ว จะต้องจ่ายเงินเดือน ให้แก่ ที่ปรึกษา เลขานุการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ช่วยเลขานุการ คนขับรถ ประจำประธานศาลรัฐธรรมนูญ เดือนกว่า 229,000 บาท/ เดือน
ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 1 คน เงินเดือนรวม 55,000 บาท เลขานุการ 1 คน ผู้เชี่ยวชาญไม่เกิน 2 คน ผู้ช่วยเลขานุการ 1 คน คนขับรถ 1 คน โดยใช้อัตราเงินเดือนเช่นเดียวกับบุคลากรประจำประธานศาลรัฐธรรมนูญ
คำนวนเงินเดือนของบรรดา ที่ปรึกษา เลขานุการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ช่วยเลขานุการ คนขับรถ ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่ละคนเกือบ 2 แสนบาท รวม 8 คน ก็ตกเดือนละ 1.5 ล้าน
เบ็ดเสร็จแล้ว ต้องจ่ายเป็นค่าบริวารให้แก่ ประธานและตุลาการ รวม 9 คน รวมกว่า 1 ล้าน 7 แสนบาท ปีหนึ่งก็จ่าย 20. 4 ล้าน
ศ.ดร.นันทวัฒน์ บรมานันท์ อดีตที่ปรึกษาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา การคัดสรรคนเข้ามารับตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นเลขานุการหรือที่ปรึกษานั้น เท่าที่ทราบก็คือไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอนตายตัว เป็นดุลพินิจของผู้ดำรงตำแหน่งแต่ละคนที่จะตั้งใครมาก็ได้
"ผมเคยได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งในช่วงของ การบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 ทำให้ทราบว่ามีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพียงไม่กี่คนที่ตั้ง "นักวิชาการ" เข้ามาเป็นที่ปรึกษาเพื่อช่วยเหลืองานด้านวิชาการและให้คำปรึกษาทางวิชาการ ส่วนคนอื่นตั้งใครมาก็ไม่ทราบ ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อน
แต่จากข้อมูลที่ได้รับทราบ คนเหล่านั้นมีบางคนที่เป็น "เครือญาติ" บางคนก็มีความสัมพันธ์ในลักษณะต่าง ๆ เมื่อตั้งเข้ามาดำรงตำแหน่งก็มีเงินค่าตอบแทน บางคนเอาลูกหลานตัวเองมาเป็นเลขานุการก็เคยมีมาแล้ว" อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว
เมื่อพิจารณาผ่าน ผลงานสำคัญของศาลรัฐธรรมนูญ นั่นก็คือ คำวินิจฉัย จะพบว่า ปี 2551 เขียนคำวินิจฉัย 26 เรื่อง ปี 2552 เขียนคำวินิจฉัย 20 เรื่อง ปี 2553 จนถึงปัจจุบันเขียนคำวินิจฉัย เพียง 7 เรื่อง ต้นทุนต่อคำวินิจฉัย 1 ฉบับ จึงสูงมาก
แต่ปัญหาไม่ใช่ ถูกหรือแพง หรือ วัดกันที่ปริมาณคำวินิจฉัย ประเด็นคือ คุณค่าของคำวินิจฉัยต่างหาก !!!
ตามหลักการแล้ว คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ดี จะต้องกอรปด้วยหลักกฎหมาย หลักวิชาการ และข้อเท็จจริง ครบถ้วน ถ้าตุลาการไม่มีเวลาศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบก็ต้องมีที่ปรึกษาและผู้เชี่ยว ชาญที่มีความรู้ความสามารถ ครบเครื่อง
เหลียวดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ย้อนหลังไปถึงปี 2541 อาจได้คำตอบว่า ศาลรัฐธรรมนูญไทยยังต้องการเวลาพัฒนา อีกหลายทศวรรษ
มติชน, วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553