Saturday, October 2, 2010

'ไตรรงค์'เซ็นขายข้าวล้านตัน 'เอ็มที'ขยับเลื่อนเวลาส่งมอบ

'ไตรรงค์'เซ็นขายข้าวล้านตัน 'เอ็มที'ขยับเลื่อนเวลาส่งมอบ

"ไตรรงค์" เซ็นขายข้าวล้านตันให้บริษัทเอ็มที เซ็นเตอร์เทรดแล้ว ก่อนบินเปิดแน่บไปไนจีเรีย-เซเนกัล หลังถ่วงเวลาให้บริษัทหาแบงก์ค้ำประกันนานกว่าครึ่งเดือน วงการค้าข้าวหึ่ง "มร.เฉิน" ปล่อยข้าวเหนียว 10% ลอตแรกที่คลังสกลนครให้ผู้ซื้อภายในประเทศแล้ว ขณะที่ มร.เฉินออกมายอมรับ 60 วันขนข้าวไม่ทัน อ้างให้รัฐวิสาหกิจจีนคู่สัญญาทำหนังสือขอขยายเวลารับมอบข้าวออกไปอีก

นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธาน กขช. ได้เซ็น "อนุมัติ" ให้จำหน่ายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ตามที่คณะอนุกรรมการระบายข้าวที่มีนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอไป โดยการเซ็นอนุมัติครั้งนี้เป็นการเซ็นก่อนที่นาย ไตรรงค์จะนำคณะเจ้าหน้าที่เดินทางไปเจรจาขายข้าวให้กับรัฐบาลไนจีเรีย-เซเนกัล มีกำหนดจะเดินทางกลับประเทศในวันที่ 5 ตุลาคม 2553

ส่วนกรณีที่ขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลมากกว่า 1 ล้านตันให้กับบริษัทเอ็มที เซ็นเตอร์เทรด โดยไม่มีการเปิดประมูลท่ามกลางข้อสงสัยที่ว่า บริษัทเอ็มทีฯเป็นใคร เนื่องจากไม่มีใครรู้จักในวงการค้าข้าวมาก่อนนั้น นายมนัสกล่าวว่า บริษัทเอ็มทีฯเป็นผู้ซื้อข้าวรายหนึ่งที่เข้ามาดำเนินการตามขั้นตอน มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศมายืนยัน ทั้งจากจีน-สิงคโปร์-บรูไน

ทางคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสารก็ได้สอบถึงที่มาของออร์เดอร์นั้นพบว่า "น่าเชื่อถือ" แต่คงไม่ถึงขั้นตรวจสอบไปยังสถานทูตเพราะบริษัทผู้ซื้อข้าวไม่ใช่คู่สัญญาของรัฐบาลโดยตรง ส่วนกรณีที่บริษัทเม้งไต๋ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทเอ็มทีฯมีคดีฟ้องร้องกับธนาคารนั้น "ผมไม่ทราบ ไม่ได้ลงตรวจสอบละเอียดขนาดนั้น แต่บริษัทเม้งไต๋ไม่ได้เกี่ยวกับซื้อข้าวครั้งนี้" แต่ตามหลักเกณฑ์การขายข้าวบริษัทจะต้องนำหลักทรัพย์มาวางค้ำประกัน 5% ของมูลค่าข้าว หากซื้อทั้งข้าวจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ก็ต้องทำสัญญาวางค้ำประกัน 2 ฉบับ

"บริษัทเอ็มทีฯจะดำเนินการทำสัญญาซื้อข้าวใน 10 วัน หลังจากได้รับแจ้งจาก กรมการค้าต่างประเทศ แต่นี่ผมยังไม่ได้แจ้งบริษัทไหนเลย เพราะท่านไตรรงค์เพิ่งอนุมัติวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 กันยายน) หลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องมาทำพร้อมกันทั้งหมด อาจจะทยอยมาก็ได้ แต่ต้องแจ้งเจตนามาว่า จะทำสัญญาก่อน ถ้าไม่มาก็โดนหยึดหลักทรัพย์ แล้วเราจะเอาข้าวไปขายต่อ โดยราคาที่ขายให้เป็นราคา Ex Warehouse ไม่รวมค่าปรับปรุง ค่าขนส่ง" นายมนัสกล่าว

ทั้งนี้มีข้อน่าสังเกตจากวงการค้าข้าวว่า การขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลมากกว่า 1 ล้านตันให้กับบริษัทเอ็มที เซ็นเตอร์เทรดนั้น ถูกระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นการขายเพื่อการส่งออก แต่บริษัทเอ็มทีฯโดยมิสเตอร์เฉิน หรือนายจุ้งเชียง เฉิน กรรมการผู้จัดการบริษัท กลับเปิดตัวทั้งกับโรงสีข้าว-ผู้ส่งออกเสนอที่จะขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลจำนวนมากกว่า 2 ล้านตันให้ ซึ่งถือเป็นการผิดเงื่อนไขการซื้อขายข้าว พร้อมกันนี้ยังมีรายงานข่าวจากธนาคารไทยพาณิชย์เข้ามาว่า บริษัทเม้งไต๋ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (99.99%) ในบริษัทเอ็มทีฯมีคดีความฟ้องร้องในเรื่องการโกงข้าวกับธนาคารอยู่ด้วย

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานจากจังหวัดสกลนครเข้ามาว่า ในวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมาโรงสีข้าวในท้องที่ที่ติดต่อซื้อข้าวเหนียว 10% จาก "มิสเตอร์เฉิน" ได้นำรถไปรับข้าวที่คลังศรีสกล จนถึงเวลา 17.00 น. มีการส่ง Fax เอกสารจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) ให้เปิดคลัง ซึ่งบรรจุข้าวสารเหนียว 10% ปริมาณ 85,000 กระสอบ โดยขายกระสอบละ 2,450 บาท จากราคาที่ซื้อมาจากรัฐบาล 2,000 บาท เท่ากับกำไร 450 บาท/กระสอบ รวมปริมาณ 38 ล้านบาท โดยผู้ซื้อจะทยอยรับมอบข้าวไปจนครบ 85,000 กระสอบ ภายใน 1 เดือน ไม่จำเป็นต้องขนส่งไปในคราวเดียว สามารถแบ่งจ่ายข้าวในแต่ละครั้งเป็นงวด ๆ ได้

"การเปิดคลังขายข้าวเหนียว 10% ครั้งนี้น่าสงสัยมาก เพราะบริษัทเอ็มทีฯคงไม่สามารถทำสัญญาซื้อข้าวกับ อคส.ทันภายใน 2 วัน ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ และท่านไตรรงค์ก็เพิ่งเซ็นอนุมัติให้ขายข้าวได้ในวันที่ 24 กันยายน เข้าใจว่าบริษัทเอ็มทีฯคงจะหมุนเงินก่อน ด้วยการเลือกขายข้าวเหนียวที่ราคาดี เพราะคนซื้อข้าวขาว 5% กับข้าวปทุมธานียังไม่ได้รับการติดต่อให้ไปขนข้าวในคลัง อ.ต.ก./อคส.จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทเอ็มทีฯอาจจะขอรับมอบข้าวก่อนทำสัญญาหรือไม่เพราะไม่สามารถหาหลักทรัพย์ไปวางค้ำประกันข้าวมากกว่า 1 ล้านตันคราวเดียวกันได้หมด นอกจากนี้ยังปรากฏชื่อมือขวาของบริษัทเพรซิเดนท์ อะกริฯในอดีตออกมาช่วยขายข้าวให้ด้วย"

ล่าสุดผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" ติดต่อไปยังนายจุ้งเซียง เฉิน กรรมการบริหาร บริษัทเอ็มที เซ็นเตอร์เทรด และบริษัทเม้งไต๋ จำกัด แจ้งว่า วันนี้ (28 กันยายน) กำลังเข้าพบกับผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก) เพื่อขอเลขที่สัญญา ซึ่งจะนำไปขอหนังสือหลักทรัพย์ค้ำประกัน (L/G) จากสถาบันการเงินหลายแห่ง แต่ว่าทางกระทรวงพาณิชย์เกรงว่าจะกระทบต่อราคาตลาดจึงให้ดำเนินการอย่างเงียบ ๆ และเป็นความลับ

"หลังจากได้เลขสัญญาเพื่อออก L/G แล้วก็ยังต้องรอก่อน ผมขนข้าวทันทีไม่ได้ ต้องรอให้รัฐวิสาหกิจจีนทำหนังสือมาถึงรัฐบาลไทยขอให้ขยายระยะเวลารับมอบข้าวเพราะขนไม่ทัน ผมซื้อข้าว 1.1 ล้านตัน ก็ต้องขน 60 วัน จะซื้อ 1.6 ล้านตัน ก็ต้องขน 60 วัน ทางรัฐวิสาหกิจจีนออร์เดอร์มา ผมทำหน้าที่แค่ซื้อหน้าคลัง ส่งของลงเรือก็จบแล้ว เป็นคนกลางเท่านั้น ส่วนเรื่องแบล็กลิสต์กับธนาคารไทยพาณิชย์เป็นความลับของธนาคารกับลูกค้า" นายเฉินกล่าว

ประชาชาติธุรกิจ, 30 กันยายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4249

No comments:

Post a Comment