Wednesday, June 17, 2009

ยุบพรรค 'มีใบสั่ง' อดีตตลก.รธน.ข้างมากซุกหุ้นแฉ

ยุบพรรค 'มีใบสั่ง' อดีตตลก.รธน.ข้างมากซุกหุ้นแฉ

คมชัดลึก : 'อดีตตุลาการรธน.' แฉยุบพรรค 'มีใบสั่ง' ถามพวกที่เป็นตุลาการดูได้ จวกคำวินิจฉัย 'น่าเกลียด' อนุฯ'สมานฉันท์ ชง '8 ข้อดับแตกแยก ชูธงหนุนแก้ 237 เลิกยุบพรรค ชี้ ต้นเหตุม็อบฮือ! บอกนักการเมือง 'สงบปาก' ลดอุณหภูมิขัดแย้งได้ ให้กองทัพกลับกรมกอง 'อย่าจุ้นการเมือง'

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 13 พ.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมอนุคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความสมานฉันท์ทางการเมือง ของสังคมไทย ซึ่งอยู่ในคณะกรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญ ที่มีนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว. นนทบุรี เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้ใช้เวลา 5 นาที เลือกนายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา เป็นประธาน นายภาวิช ทองโรจน์ นายกสภาเภสัชกรรม ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย เป็นรองประธาน นางผุสดี ตามไท ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเลขานุการ จากนั้นที่ประชุมได้มีมติร่วมกันว่าจะใช้เวลาในการวางกรอบการทำงาน 2 สัปดาห์

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า การอภิปรายมีความตึงเครียดช่วงหนึ่งเมื่อนายศักดิ์ เตชาชาญ อดีตตุลาการศาลรัฐธรมนูญ หนึ่งในเสียงข้างมากที่ตัดสินคดีซุกหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิของพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ประเด็นที่ยังไม่ได้พูดกันคือใบสั่ง ตนเคยเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ตอนมีคำสั่งยุบพรรค ขอกราบเรียนเบื้องหลัง ได้ถามเพื่อนฝูงทุกคนแล้วเห็นว่าไม่ควรยุบพรรค ควรแก้ลงโทษหัวหน้าพรรค เลขาธิการและผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่พอจะเขียนคำวินิจฉัย ปรากฏว่ามีใบสั่ง ซึ่งไม่ทราบว่าจริงหรือไม่จริง แต่ว่ามีใบสั่งมา มันสร้างความสับสนให้ผู้พิพากษาทั้งหมดที่เคยเห็นด้วยกับตน คำวินิจฉัยจึงออกมาน่าเกลียดมาก ร่วมทั้งเรื่องโมฆะการเลือกตั้ง และองค์กรอิสระต่างก็เป็นใบสั่งและผลก็ออกมาอย่างที่เขาคาดการณ์ทุก เรื่อง100%

'ซึ่งผมไม่ยอมทำตามใบสั่งจึงไม่เจริญถึงทุกวันนี้ หลายคนที่ทำตามใบสั่งก็เจริญรุ่งเรืองเป็นใหญ่เป็นโตในขณะนี้ ดังนั้นเราต้องหาวิธีพิสูจน์ว่าใบสั่งมีจริงหรือไม่ ถ้ามีต่อไปนี้ต้องเลิกเด็ดขาด' นายศักดิ์ กล่าว

ทำให้นายประสงค์ศักดิ์ บุญเดช อดีตผู้ว่าฯ ผู้ทรงคุณวุฒิจากส.ว. โต้ขึ้นว่า อยากถามว่ามีหลักฐานหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ พิจารณาจากคำพิพากษาที่มีความละเอียดมาก แต่ละคนที่นั่งตรงนั้นเป็นผู้มีเกียรติ มีความรู้ มีฐานะทางสังคม ใครจะออกใบสั่งได้ อย่างเก่งออกได้ 1-2 คน แต่ส่วนใหญ่ออกพร้อมกันทั้งคณะเป็นเรื่องยาก ทั้งนี้ นายศักดิ์ไม่ได้ตอบโต้หรือลุกขี้นชี้แจงอะไร รวมถึงอนุกรรมการในห้องประชุมก็ไม่มีใครติดใจซักถามใดๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนเนื้อหาในการอภิปรายส่วนใหญ่ยังเป็นการโจมตีกันไปมาอย่างดุเดือด ระหว่างส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ นายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาเกิดจากการบริหารของพ.ต.ท.ทักษิณ อาทิ การแทรกแซงองค์กรอิสระ ส.ว. ร่วมทั้งการใช้อำนาจเพื่อองค์กรของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นการประกาศว่าจะพัฒนาจังหวัดที่เลือกพรรคไทยรักไทย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุผลมาสู่ความขัดแย้งสู่ปัจจุบัน ขณะที่นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย โต้ว่า ปัญหาคือการรัฐประหารปี2549 ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญ 50 ที่ทำให้เกิดตุลาการภิวัฒน์ และตามมาด้วย เรื่อง 2 มาตรฐาน โดยมีการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ที่นำมาซึ่งการยุบพรรคและ ตัดสิทธิ์ทางการเมือง ทำให้มวลชนที่สนันสนุนคนกลุ่มนี้เกิดความไม่พอใจ ดังนั้นการแก้รัฐธรรมนูญหากแก้เรื่องพวกนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้

'การผ่อนคลายความขัดแย้งระยะสั้นเร่งด่วน คือ การแก้ไขให้ผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 220 คน ที่ไม่ได้รับจากรัฐธรรมนูญ 50 ซึ่งจะต้องออกกฎหมายช่วยเหลือ และไม่สามารถทำประชามติตัดสิน เพราะกรรมการบริหาร220 ถูกพิพากษาให้มีความผิด จึงต้องแก้ไขด้วยการออกกฎหมาย จึงอยากให้ที่ประชุมเห็นด้วยหรือไม่' นายประเกียรติ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะอนุกรรมการฯได้จัดวางแผนการทำงานไว้เป็น 3 แผนประกอบด้วย ระยะสั้น จะระดมข้อเสนอจากองค์กรภาคประชาสังคม อาทิ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา เครือข่ายสานเสวนา ของสถาบันพระปกเกล้า สถาบันสันติวิธีศึกษา สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาคณาจารย์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. รวมทั้งได้เชิญแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มเสื้อแดง มาให้ข้อมูลถึงเป้าหมายความต้องการของคนทั้งสองกลุ่ม

ทั้งนี้ หากการดำเนินการเห็นผลใน 45 วันจะทำให้ผ่อนคลายและลดระดับความขัดแย้งนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองและแก้ไข รัฐธรรมนูญ เพื่อให้สังคมไทยได้มองเห็นและตระหนัก ในชาติบ้านเมืองมากกว่าตนและพรรคพวกกลุ่ม ทำให้เกิดกระแสที่อยู่ในระดับเป็นเทรนด์ของสังคม เกิดกลไกการขับเคลื่อนและสนับสนุนการทำงานในข้อเสนอนี้ เช่นภาคีสื่อมวลชน สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา เครือข่ายประชาชนในขนบท หลังจากนั้นรัฐบาลอาจจะยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ได้

นายตวง กล่าวหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้อภิปรายกันได้สรุป 8 ข้อที่จะนำสังคมกลับคืนสู่ความสมานฉันท์ คือ 1.ทุกฝ่ายควรจะยอมรับก่อนว่ารัฐธรรมนูญทั้งปี 40 และปี 50 ต่างมีจุดแข็งและจุดอ่อน โดยปี 40 มีจุดแข็งที่ทำให้รัฐบาลเข้มแข็ง แต่จุดอ่อนคือความเข้มแข็งทำให้กลไกตรวจสอบไม่ทำงาน ขณะที่ปี 50 มีจุดอ่อนทำให้รัฐบาลอ่อนแอ แต่จุดแข็งอยู่ที่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น 2.จุดที่เป็นปัญหาสำคัญในการเมืองคือบุคคลทางการเมือง ดังนั้นข้อเสนอที่จะผ่อนคลายความขัดแย้งเบื้องต้นคือควรจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.237 ไม่ให้มีการยุบพรรคและ ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 5 ปี เพราะจะไปกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนที่สนับสนุนพรรคต้องออกมาต่อสู้ โดยหากเกิดการทุจริตการเลือกตั้งให้ลงโทษเฉพาะผู้กระทำผิดหรือกรรมการ แต่ไม่ควรยุบพรรค

3.นักการเมืองควรจะลดความร้อนแรงในการวิวาทะทางการเมืองเพื่อลดอุณหภูมิ ความขัดแย้งในสังคม 4.สื่อมวลชนทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องตระหนักถึงบทบาทที่จะมีส่วนช่วยในการลดบรรยากาศความขัดแย้ง 5.รัฐบาลต้องลดเงื่อนไขความขัดแย้ง ไม่ควรจะให้องค์กรที่ใช้กำลังอย่างกองทัพไปชี้แจงงานของรัฐบาลหรือแจกซีดี การสลายการชุมนุมเพราะจะทำให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวงลุกขึ้นมาตอบโต้ แต่ควรจะใช้ข้าราชการฝ่ายปกครองอย่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทำหน้าที่แทน

6.ปฏิรูปการศึกษาเพื่อสร้างสังคมประชาธิปไตยในระยะยาว 7.ทำให้ระบบนิติรัฐเข้มแข็ง เพื่อไม่ให้เกิดกระบวนการยุติธรรมแบบ 2 มาตรฐาน และ 8.สร้างวัฒนธรรมความรับผิดชอบหรือการแสดงสปิริตทางการเมืองในหมู่นักการ เมืองในกรณีที่ถูกจับได้ว่ากระทำความผิด ไม่ใช่ดันทุรังอยู่ในตำแหน่งจนการต่อต้านลุกลามบานปลาย

ป.ป.ช.ตั้งอนุไต่สวนคำร้องถอดถอน5รมต.'มาร์ค'

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาเรื่องขอให้ถอดถอนรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จำนวน 5 คน ออกจากตำแหน่ง ด้วยประธานวุฒิสภา ได้มีหนังสือลงวันที่ 23 มี.ค. 2552 ส่งคำร้องของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และคณะจำนวน 171 คน ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ในสภา

ขอให้ถอดถอนนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ออกจากตำแหน่ง กรณีมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงในหลายข้อกล่าวหา

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำร้องขอให้ถอดถอน ดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 โดยกำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง และมอบหมายให้ตนและนายใจเด็ด พรไชยา เป็นกรรมการ ป.ป.ช.ผู้รับผิดชอบสำนวน

คมชัดลึก วันที่ 13 พฤษภาคม 2552

No comments:

Post a Comment